กินทุเรียนดียังไง ?
ทุเรียน เป็นผลไม้ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ และนอกจากความอร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน
เหตุผลที่ควรลองกิน ทุเรียน
- รสชาติอร่อย: ทุเรียนมีรสชาติหวานมัน หอมฉุน เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร
- มีประโยชน์ต่อสุขภาพ: ทุเรียนมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น
- เป็นของฝากที่เหมาะสม: ทุเรียนเป็นผลไม้ที่เป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติ ทำให้เป็นของฝากที่เหมาะสมสำหรับผู้มาเยือนประเทศไทย
1. ให้พลังงานสูง
- ทุเรียน มีคาร์โบไฮเดรตและไขมัน ซึ่งช่วยให้พลังงานแก่ร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพลังงาน ในแต่ละวันคาร์โบไฮเดรตในทุเรียนให้พลังงานที่ร่างกายนำไปใช้ได้ทันที เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติมพลังงานหลังการทำงานหนัก หรือการออกกำลังกาย ส่วนไขมันในทุเรียน แม้จะมีปริมาณไม่มาก แต่ก็ช่วยเสริมสร้างพลังงานสำรอง ให้ร่างกายใช้งาน ในระยะยาวด้วยคุณสมบัตินี้ ทุเรียนจึงเหมาะกับคนที่ ต้องการพลังงานเสริมในแต่ละวัน อย่างไรก็ตาม การบริโภคควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการได้รับพลังงานเกินความต้องการ ซึ่งอาจส่งผลต่อการควบคุมน้ำหนักค่ะ
2. อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ
- วิตามินซี: ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและต้านอนุมูลอิสระ
- โพแทสเซียม: ช่วยควบคุมความดันโลหิตและบำรุงหัวใจ
- ธาตุเหล็ก: ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง
3. มีสารต้านอนุมูลอิสระ
ทุเรียนมีสารสำคัญอย่าง โพลีฟีนอล และ ฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ทรงพลัง ช่วยลดความเสียหาย ที่เกิดจากอนุมูลอิสระในร่างกาย อนุมูลอิสระเหล่านี้หากสะสมในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ และ มะเร็ง
- โพลีฟีนอล: ช่วยลดการอักเสบ ในหลอดเลือด ลดความเสี่ยง ของการอุดตันในหลอดเลือดหัวใจ และ เสริมการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต
- ฟลาโวนอยด์: มีคุณสมบัติ ต้านการอักเสบ ช่วยป้องกันการเจริญเติบโต ของเซลล์มะเร็ง และช่วยลดความเสี่ยง ในการเกิดโรคเรื้อรัง
4. เสริมสร้างการทำงานของระบบย่อยอาหาร
ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีกากใยอาหาร ในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งมีบทบาทสำคัญ ต่อระบบย่อยอาหาร และ การขับถ่ายในร่างกาย ดังนี้
- ช่วยส่งเสริมการย่อยอาหาร: กากใยอาหารช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้อาหารที่รับประทานเข้าไปถูกย่อยได้ดีขึ้น ลดปัญหาอาการท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อย
- ช่วยในการขับถ่าย: กากใยช่วยเพิ่มปริมาณและความนุ่มของอุจจาระ ทำให้ง่ายต่อการขับถ่าย ช่วยลดปัญหาท้องผูกและเสริมสุขภาพลำไส้
- เป็นแหล่งอาหารสำหรับแบคทีเรียดีในลำไส้: กากใยทำหน้าที่เป็นพรีไบโอติก ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ ซึ่งช่วยรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร ดังนั้น การรับประทานทุเรียนในปริมาณที่พอดี จึงช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้มีประสิทธิภาพ และส่งเสริมสุขภาพลำไส้ให้แข็งแรงค่ะ
5. มี สารกำมะถัน ที่ช่วยในด้านสุขภาพ
ทุเรียนมีสารประกอบกำมะถันตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดกลิ่นและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของผลไม้ชนิดนี้ กำมะถันมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนกระบวนการกำจัดสารพิษในร่างกาย โดยเฉพาะในตับ ซึ่งทำหน้าที่สำคัญในการล้างพิษให้ร่างกาย
-
- กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ล้างพิษในตับ: กำมะถันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเอนไซม์ในกระบวนการล้างพิษ เช่น กลูตาไธโอน (Glutathione) ที่ช่วยจับสารพิษและกำจัดออกจากร่างกาย
- ลดการสะสมของสารพิษ: กำมะถันช่วยในกระบวนการทำลายสารพิษที่เกิดจากอาหาร ยา หรือสารเคมีที่ร่างกายรับเข้าไป ลดความเสี่ยงจากการสะสมสารพิษในตับ
- เสริมสร้างสุขภาพตับ: ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยล้างพิษ กำมะถันจึงมีส่วนช่วยให้ตับทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวข้องกับตับ
6. ช่วยเพิ่มฮอร์โมนเซโรโทนิน
ทุเรียนมีสารอาหารบางชนิดที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่มีบทบาทสำคัญต่อการควบคุมอารมณ์ ความรู้สึก และความเครียด
- สารตั้งต้นของเซโรโทนิน: ทุเรียนมีกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ทริปโตเฟน (Tryptophan) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตเซโรโทนินในสมอง เมื่อร่างกายได้รับทริปโตเฟน มันจะถูกเปลี่ยนเป็นเซโรโทนิน ช่วยทำให้อารมณ์ดีและรู้สึกผ่อนคลาย
- ช่วยลดความเครียด: เซโรโทนินมีบทบาทในการลดความวิตกกังวลและช่วยให้สมองทำงานในภาวะผ่อนคลาย ทำให้ร่างกายและจิตใจรู้สึกสงบ
- ส่งเสริมการนอนหลับที่ดี: เซโรโทนินยังมีความเชื่อมโยงกับการผลิตเมลาโทนิน (Melatonin) ซึ่งช่วยควบคุมวงจรการนอนหลับ การบริโภคทุเรียนในปริมาณที่เหมาะสมอาจช่วยให้คุณนอนหลับได้ดีขึ้น
7. บำรุงสุขภาพผิว
ทุเรียนเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการบำรุงผิวพรรณและชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ดังนี้:
-
- วิตามินซี:
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและเรียบเนียน
- ช่วยลดความหมองคล้ำและจุดด่างดำ ส่งผลให้ผิวดูสว่างสดใส
- มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสียหายของเซลล์ผิวที่เกิดจากมลภาวะและแสงแดด
- วิตามินอี:
- ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว ลดการแห้งกร้านและการลอกของผิว
- มีฤทธิ์ในการฟื้นฟูเซลล์ผิวที่ถูกทำลาย ช่วยให้ผิวดูสุขภาพดี
- สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น โพลีฟีนอล และฟลาโวนอยด์:
- ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของริ้วรอยและความเสื่อมของผิว
- ลดการอักเสบและการระคายเคืองในชั้นผิว
- วิตามินซี:
ปริมาณที่แนะนำ
การกิน ทุเรียน ควรคำนึงถึงปริมาณที่เหมาะสม เนื่องจาก ทุเรียนมีแคลอรี และน้ำตาลสูง หากกินมากเกินไปอาจส่งผลต่อสุขภาพ โดยทั่วไปแล้ว
- สำหรับคนทั่วไป : 1-2 เม็ด (หรือประมาณ 80-150 กรัม) ต่อครั้ง
- สำหรับผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก หรือ มีโรคเบาหวาน : ควรลดปริมาณลงเหลือ 1 เม็ดเล็ก (ประมาณ 40-80 กรัม)
คำแนะนำเพิ่มเติม
- หลีกเลี่ยงการกินพร้อมอาหารที่มีแคลอรีสูงอื่นๆ
- เช่น ข้าวเหนียว น้ำกะทิ หรือ เครื่องดื่มหวาน เพื่อป้องกันการได้รับพลังงานมากเกินไป
- ไม่ควรกินทุกวัน
- แนะนำให้กินสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อรักษาสมดุลของสารอาหารในร่างกาย
- ดื่มน้ำมากๆ หลังการกิน
- ทุเรียน มีคุณสมบัติที่ทำให้ร่างกายรู้สึกร้อน ดื่มน้ำช่วยลดความร้อนในร่างกาย
- ระมัดระวังสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว
- ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือไขมันในเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
การกินทุเรียน ในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์ โดยไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพค่ะ
ทุเรียน แช่แข็ง
อีกหนึ่งทางเลือก หากใครอยากทานทุเรียน แต่หาซื้อยาก เนื่องจากหมดช่วงฤดูกาล เราก็มี ทุเรียนแช่แข็ง มาแนะนำค่ะ สามารถเก็บไว้ทานได้ตลอดทั้งปี โดยที่รสชาติและสารอาหารต่างๆยังอยู่ครบถ้วน เหมือนทานทุเรียนสด
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารและโภชนาการ
ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารแนะนำว่า “การแช่แข็งเป็นวิธีที่ดีในการรักษาคุณค่าทางโภชนาการของทุเรียน เนื่องจากการแช่แข็งที่อุณหภูมิต่ำสามารถรักษาวิตามินและแร่ธาตุในทุเรียนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังเป็นวิธีที่ดีในการป้องกันการเสียหายจากแมลงและจุลินทรีย์”
หากคุณสนใจทุเรียนแช่แข็ง ควรเลือกซื้อจากแหล่งที่มีความน่าเชื่อถือและมีการบรรจุหีบห่อที่ดีเพื่อรักษาคุณภาพของทุเรียนแช่แข็งไว้
ไปหาหน้าสินค้า https://whitedragonkingindustry.com/shop/
ทุเรียนแช่แข็งเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับคนรักทุเรียนที่ต้องการเก็บรักษาคุณภาพและรสชาติของทุเรียนไว้ได้นานขึ้น การแช่แข็งไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุการเก็บรักษา แต่ยังทำให้สามารถส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังรักษาคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้เป็นอย่างดี
สอบถามรายละเอียด ติดต่อ https://www.facebook.com/profile.php?id=61560797503874